หน่วยที่ 2 พัฒนาการของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นผลมาจากการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือในการคำนวณซึ่งมีวิวัฒนาการนานมาแล้ว
เริ่มจากเครื่องมือในการคำนวณเครื่องแรกคือ "ลูกคิด" (Abacus)
ที่สร้างขึ้นในประเทศจีน เมื่อประมาณ 2,000-3,000 ปีมาแล้ว
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2376
นักคณิตศาสต์ชาวอังกฤษ ชื่อ ชาร์ล แบบเบจ (Charles Babbage) ได้ประดิษฐ์เครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine) สามารถคำนวณค่าของตรีโกณมิติ
ฟังก์ชั่นต่างๆ ทางคณิตศาสตร์ การทำงานของเครื่องนี้แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
ส่วนเก็บข้อมูล ส่วนคำนวณ และส่วนควบคุมใช้ระบบพลังเครื่องยนต์ไอน้ำหมุนฟันเฟือง
มีข้อมูลอยู่ในบัตรเจาะรู คำนวณได้โดยอัตโนมัติ และเก็บข้อมูลในหน่วยความจำ
ก่อนจะพิมพ์ออกมาทางกระดาน
หลักการของแบบเบจนี้เองที่ได้นำมาพัฒนาสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์สมัยใหม่
เราจึงยกย่องให้แบบเบจ เป็น บิดาแห่งเครื่องคอมพิวเตอร์
หลังจากนั้นเป็นต้นมา
ได้มีผู้ประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมามากมายหลายขนาด
ทำให้เป็นการเริ่มยุคของคอมพิวเตอร์อย่างแท้จริง
โดยสามารถจัดแบ่งคอมพิวเตอร์ออกได้เป็น 5 ยุค
ยุคที่
1
(First Generation Computer) พ.ศ.2489-2501 ยุคหลอดสูญญากาศ
ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่
1
- ใช้อุปกรณ์ หลอดสุญญากาศ (Vacuum
Tube) เป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ ใช้พลังงานไฟฟ้ามาก
และเกิดความร้อนสูง
- ทำงานด้วยภาษาเครื่อง (Machine
Language) เท่านั้น
- เริ่มมีการพัฒนาภาษาสัญลักษณ์ (Assembly
/ Symbolic Language) ขึ้นใช้งาน
ยุคที่ 2
(Second Generation Computer) พ.ศ.2502-2506
ยุคทรานซิสเตอร์
ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่
2
- ใช้อุปกรณ์ ทรานซิสเตอร์ (Transistor)
ซึ่งสร้างจากสารกึ่งตัวนำ (Semi-Conductor) เป็นอุปกรณ์หลัก
แทนหลอดสุญญากาศ เนื่องจากทรานซิสเตอร์เพียงตัวเดียว
มีประสิทธิภาพในการทำงานเทียบเท่าหลอดสุญญากาศได้นับร้อยหลอด
ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้มีขนาดเล็ก ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อย ความร้อนต่ำ
ทำงานเร็ว และได้รับความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
- เก็บข้อมูลได้
โดยใช้ส่วนความจำวงแหวนแม่เหล็ก (Magnetic Core)
- มีความเร็วในการประมวลผลในหนึ่งคำสั่ง
ประมาณหนึ่งในพันของวินาที (Millisecond : mS)
- สั่งงานได้สะดวกมากขึ้น
เนื่องจากทำงานด้วยภาษาสัญลักษณ์ (Assembly Language)
- เริ่มพัฒนาภาษาระดับสูง (High
Level Language) ขึ้นใช้งานในยุคนี้
ยุคที่ 3
(Third Generation Computer) พ.ศ.2507-2512
ยุคไอซี
ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่
3
- ใช้อุปกรณ์ วงจรรวม (Integrated
Circuit : IC) หรือ ไอซี และวงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ (Large
Scale Integration : LSI) เป็นอุปกรณ์หลัก
- ความเร็วในการประมวลผลในหนึ่งคำสั่ง
ประมาณหนึ่งในล้านของวินาที (Microsecond : mS) (สูงกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคที่
1 ประมาณ 1,000 เท่า)
- ทำงานได้ด้วยภาษาระดับสูงทั่วไป
ยุคที่ 4
(Fourth Generation Computer) พ.ศ.2513-2532
ยุควีแอลเอสไอ
ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่
4
- ใช้อุปกรณ์ วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ (Large
Scale Integration : LSI) และ วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่มาก (Very
Large Scale Integration : VLSI) เป็นอุปกรณ์หลัก
- มีความเร็วในการประมวลผลแต่ละคำสั่ง
ประมาณหนึ่งในพันล้านวินาที (Nanosecond : nS) และพัฒนาต่อมาจนมีความเร็วในการประมวลผลแต่ละคำสั่ง
ประมาณหนึ่งในล้านล้านของวินาที (Picosecond : pS)
ยุคที่ 5
(Fifth Generation Computer) พ.ศ.2533-ปัจจุบัน ยุคปัญญาประดิษฐ์
องค์ประกอบของระบบปัญญาประดิษฐ์
ประกอบด้วย 4 หัวข้อ ได้แก่
1. ระบบหุ่นยนต์ หรือแขนกล (Robotics
or Robotarm System)
2. ระบบประมวลภาษาพูด (Natural Language Processing System)
2. ระบบประมวลภาษาพูด (Natural Language Processing System)
3. การรู้จำเสียงพูด (Speech
Recognition System)
4. ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert
System)
No comments:
Post a Comment